พฤติกรรมภาวะผู้นำของผู้บริหารโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดกรุงเทพมหานคร

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบพฤติกรรมภาวะผู้นำของผู้บริหารโรงเรียนประถมศึกษา ตามการรับรู้ และความคาดหวังของครูโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดกรุงเทพมหานคร โดยจำแนกตามเพศ ประสบการณ์ในการสอน และขนาดโรงเรียน กลุ่มตัวอย่างคือครูโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดกรุงเทพมหานคร ปีการศึกษา 2544 จาก 42 โรงเรียน จำนวน 451 คน ซึ่งเลือกโดยวิธีสุ่มแบบหลายขั้นตอน ในการวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้แจกแบบสอบถามไปยังกลุ่มตัวอย่างจำนวน 451 คน แต่ได้รับแบบสอบถามกลับคืนมา 412 คน (คิดเป็นร้อยละ 91.35) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมภาวะผู้นำ ตามแบบ LBDQ ของ Halpin ในการวิเคราะห์ข้อมูลนั้นผู้วิจัยทำการวิเคราะห์ข้อมูล โดยการหาความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที และการทดสอบค่าเอฟ ผลการวิจัย พบว่า 1. พฤติกรรมภาวะผู้นำด้านกิจสัมพันธ์ตามการรับรู้ของครู 3 อันดับแรก ได้แก่ การให้ความสำคัญเรื่องการทำงานให้ทันตามกำหนดเวลา การส่งเสริมการปฏิบัติตามระเบียบในการทำงานและการแจ้งให้ผู้ร่วมงานทราบถึงความมุ่งหวังของหน่วยงานที่มีต่อผู้ร่วมงาน ส่วนพฤติกรรมภาวะผู้นำด้านมิตรสัมพันธ์ตามการรับรู้ของครูใน 3 อันดับแรก ได้แก่ การไม่ยอมรับความคิดใหม่ๆ การปฏิเสธที่จะอธิบายถึงการปฏิบัติงานของตัวเอง และการหลีกเลี่ยงการคบหาสมาคมกับผู้ร่วมงาน 2.พฤติกรรมภาวะผู้นำด้านกิจสัมพันธ์ตามความคาดหวังของครูใน 3 อันดับแรก ได้แก่ การส่งเสริมการปฏิบัติตามระเบียบในการทำงาน การแสดงออกถึงทัศนคติให้ผู้ร่วมงานเข้าใจอย่างชัดเจน และการให้ความสำคัญเรื่องการทำงานให้ทันตามกำหนดเวลา ส่วนพฤติกรรมภาวะผู้นำด้านมิตรสัมพันธ์ตามความคาดหวังของครูใน 3 อันดับแรก ได้แก่ การทำให้ผู้ร่วมงานเกิดความรู้สึกสบายใจในขณะสนทนา การแสดงความเป็นมิตรและไม่ถือตัว และการยอมรับฟังความเห็นของผู้ร่วมงาน 3.ในการเปรียบเทียบภาวะผู้นำตามการรับรู้และความคาดหวัง เป็นรายข้อ พบว่า ครูมีการรับรู้และความคาดหวังแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เกือบทุกข้อ ยกเว้นการตำหนิการทำงานที่บกพร่อง การมอบหมายงานเฉพาะเรื่องให้ผู้ร่วมงาน การให้ทำงานโดยขาดการวางแผนล่วงหน้า และการหลีกเลี่ยงการคบหาสมาคมกับผู้ร่วมงานเท่านั้นที่ครูมีการรับรู้และความคาดหวังไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 4.ในการเปรียบเทียบพฤติกรรมภาวะผู้นำของผู้บริหารตามการรับรู้ของครู พบว่า ครูที่สอนในโรงเรียนที่มีขนาดแตกต่างกันมีการรับรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมภาวะผู้นำของผู้บริหารด้านกิจสัมพันธ์และพฤติกรรมภาวะผู้นำของผู้บริหารด้านมิตรสัมพันธ์แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนครูที่มีเพศต่างกัน และครูที่มีประสบการณ์ในการสอนแตกต่างกันมีการรับรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมภาวะผู้นำของผู้บริหารด้านกิจสัมพันธ์ และพฤติกรรมภาวะผู้นำของผู้บริหารด้านมิตรสัมพันธ์ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนพฤติกรรมภาวะผู้นำของผู้บริหารตามความคาดหวังของครู พบว่า ครูที่มีเพศแตกต่างกัน ครูที่มีประสบการณ์ในการสอนแตกต่างกัน และครูที่สอนในโรงเรียนที่มีขนาดแตกต่างกันมีความคาดหวังต่อพฤติกรรมภาวะผู้นำของผู้บริหารด้านกิจสัมพันธ์ และพฤติกรรมภาวะผู้นำของผู้บริหารด้านมิตรสัมพันธ์ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05