Please use this identifier to cite or link to this item:
http://hdl.handle.net/123456789/1135
Title: | คติความเชื่อและรูปแบบบัวในสถาปัตยกรรมไทย |
Other Titles: | Beliefs and Lotus Patterns in Thai Architecture |
Authors: | สมศักดิ์, จำปาขาว Champakao, Somsak |
Keywords: | สถาปัตยกรรมไทย (ภาคเหนือ) ความเชื่อ บัว วิทยานิพนธ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี |
Issue Date: | 2003 |
Publisher: | Dhonburi Rajabhat University. Office of Academic Resources And Information Technology. |
Abstract: | การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมาย เพื่อศึกษาคติความเชื่อ และรูปแบบบัวในสถาปัตยกรรมไทยสมัยรัตนโกสินทร์ตั้งแต่รัชกาลที่ 1 จนถึงรัชกาลที่ 5 ซึ่งการวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ที่ผู้วิจัยได้ทำการศึกษาจากเอกสารที่เกี่ยวกับศาสนา เอกสารที่เกี่ยวกับเรื่องราวของดอกบัวเอกสารที่เกี่ยวกับโบราณสถาน โบราณวัตถุ และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ รวมทั้งการหาข้อมูลภาคสนามและการถ่ายภาพสถานที่จริงประกอบ นำมาจัดเป็นหมวดหมู่ แล้วทำการวิเคราะห์วิจัยให้ได้ผลสรุปของการศึกษาตามวัตถุประสงค์ที่ได้วางเอาไว้ จากการศึกษาพบว่า คติความเชื่อเรื่องบัวในพุทธศาสนาลัทธิหินยาน ลัทธิมหายาน และศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ยังคงได้รับการสืบทอดมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันในรูปแบบบัวเป็นเครื่องรองรับ และเป็นองค์ประกอบที่สำคัญทางศาสนา ซึ่งคติความเชื่อก่อให้เกิดแรงบันดาลใจ ในการสร้างสรรค์รูปแบบบัวที่เป็นองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมมากมาย รูปแบบบัว ถูกนำมาใช้เป็นฐานรองรับ และเป็นองค์ประกอบสำคัญทางสถาปัตยกรรมที่เกี่ยวเนื่องด้วยศาสนาอย่างต่อเนื่อง โดยมีการคัดเลือกรูปแบบที่จะนำมาใช้เป็นองค์ประกอบ และมีการพัฒนารูปแบบเป็นระยะไปตามยุคสมัย และเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสม ฐานบัว พบว่า ฐานสิงห์เป็นฐานบัวที่นิยมใช้เป็นฐานระเบียง ฐานอาคารพระอุโบสถและพระวิหารมากที่สุดรองลงไปได้แก่ ฐานสิงห์ลูกแก้วอกไก่ ฐานปัทม์ ฐานลูกแก้วอกไก่ ฐานบัวคว่ำและฐานรูปแบบอื่นๆตามลำดับ ซึ่งฐานบัวแต่ละแบบจะมีความแตกต่างกันที่ รูปแบบ ขนาดจำนวนเส้นลวดบัว ส่วนประกอบต่างๆของฐานบัว และการนำไปใช้ บัวหัวเสา พบว่าบัวหัวเสาแบบกลีบยาว เป็นแบบที่นิยมใช้มากที่สุดตั้งแต่อยุธยาตอนปลาย จนเข้าสู่รัตนโกสินทร์ช่วงรัชกาลที่ 1-2 ครั้นถึงช่วงรัชกาลที่ 3-4 เป็นระยะที่ศิลปะจีนและยุโรปเข้ามามีบทบาทมากทำให้บัวหัวเสาขาดความนิยมไประยะหนึ่ง ช่วงรัชกาลที่ 5-ปัจจุบัน บัวหัวเสาถูกกลับนำมาใช้อีกแต่มีวิวัฒนาการทางรูปแบบที่เปลี่ยนไป บัวองค์ประกอบพระเจดีย์และพระปรางค์ พบว่าเจดีย์เหลี่ยมย่อมุมและพระปรางค์ นิยมสร้างในช่วงรัชกาลที่ 1 จนถึงปลายรัชกาลที่ 3 จากนั้นก็มีเจดีย์ทรงระฆังหรือทรงกลมเข้ามาแทนที่โดยที่เจดีย์เหลี่ยมย่อมุม เจดีย์ทรงระฆังและพระปรางค์ คงมีรูปแบบที่สืบทอดมาจากอยุธยาตอนปลาย และมีบัวเป็นองค์ประกอบตั้งแต่ส่วนฐานจนถึงส่วนยอดซึ่งทั้งพระเจดีย์เหลี่ยม พระปรางค์และพระเจดีย์ทรงระฆัง ระยะต่อมาถูกลดความสำคัญลงเป็นปรางค์ราย เจดีย์รายเช่นเดียวกันและไม่ค่อยนิยมสร้างในปัจจุบัน ข้อเสนอแนะควรทำวิจัยในทำนองเดียวกันแต่ควรทำการศึกษาถึงวัดที่สร้างโดยประชาชน เพื่อจะได้หาข้อแตกต่างทั้งด้านคติความเชื่อ และรูปแบบของบัวองค์ประกอบสถาปัตยกรรมไทย |
URI: | http://cms.dru.ac.th/jspui/handle/123456789/1135 |
Appears in Collections: | Thesis Dhonburi Rajabhat University - วิทยานิพนธ์ปริญญาโท มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
Title 1.pdf | ปก | 674.35 kB | Adobe PDF | View/Open |
Title 2.pdf | หน้าอนุมัติ | 386.1 kB | Adobe PDF | View/Open |
Abstract.pdf | บทคัดย่อ | 2.04 MB | Adobe PDF | View/Open |
Acknowledgement.pdf | กิตติกรรมประกาศ | 403.07 kB | Adobe PDF | View/Open |
Table of contents.pdf | สารบัญ | 5.02 MB | Adobe PDF | View/Open |
Unit 1.pdf | บทที่ 1 | 2.72 MB | Adobe PDF | View/Open |
Unit 2.pdf | บทที่ 2 | 45.58 MB | Adobe PDF | View/Open |
Unit 3.pdf | บทที่ 3 | 79.95 MB | Adobe PDF | View/Open |
Unit 4.pdf | บทที่ 4 | 34.08 MB | Adobe PDF | View/Open |
Unit 5.pdf | บทที่ 5 | 9.76 MB | Adobe PDF | View/Open |
Bib.pdf | บรรณานุกรม | 2.8 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.