Please use this identifier to cite or link to this item:
http://hdl.handle.net/123456789/962
Full metadata record
DC Field | Value | Language |
---|---|---|
dc.contributor.author | โอภาส, จ้างมีศิลป์ | - |
dc.contributor.author | Jangmeesin, Opas | - |
dc.date.accessioned | 2018-04-08T07:05:41Z | - |
dc.date.available | 2018-04-08T07:05:41Z | - |
dc.date.issued | 2004 | - |
dc.identifier.uri | http://cms.dru.ac.th/jspui/handle/123456789/962 | - |
dc.description.abstract | การวิจัย กระบวนการคัดคนเข้าบวชในพุทธศาสนาในประเทศไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษากระบวนการคัดคนเข้าบวชในพุทธศาสนาในสมัยพุทธกาลจนปัจจุบัน ศึกษากระบวนการคัดคนเข้าบวชในพุทธศาสนานิกายเถรวาทและมหายานในประเทศไทยกับคริสตศาสนานิกายคาทอลิกในพระเทศไทย วิเคราะห์เปรียบเทียบกระบวนการคัดคนเข้าบวชในพุทธศาสนาและคริสตศาสนา เพื่อเสนอแนวทางการพัฒนากระบวนการคัดคนเข้าบวชในพระพุทธศาสนา วิธีการดำเนินงานวิจัย โดยศึกษาเอกสารขั้นปฐมภูมิและทุติยภูมิที่เกี่ยวเนื่องด้วยกระบวนการคัดคนเข้าบวชในพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท นิกายมหายานและคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิกในประเทศไทยและโดยการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ นำข้อมูลมาวิเคราะห์เชิงเนื้อหา ด้วยการพรรณนาและเชื่อมโยงข้อมูล ผลการวิจัยพบว่า กระบวนการคัดคนเข้าบวชในพระพุทธศาสนา มี 3 แบบ ได้แก่ (1) เอหิภิกขุอุปสัมปทา คือ การบวชที่พระพุทธเจ้าทรงประทานด้วยพระองค์เอง (2) ติสรณคมนูปสัมปทา คือการบวชด้วยไตรสรณคมน์ ซึ่งในปัจจุบันใช้ในการบวชสามเณร (3) ญัตติจตุตถกัมมอุปสัมปทา คือการบวชที่พระสงฆ์เป็นผู้กระทำอย่างที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยภิกษุประชุมครบองค์กำหนด ในเขตชุมนุมซึ่งเรียกว่า สีมา กล่าววาจาประกาศเรื่องความที่รับคนนั้นเข้าหมู่ และได้รับความยินยอมของภิกษุ ทั้งปวงผู้เข้าประชุม พัฒนาการบวชของเถรวาทในประเทศไทย เริ่มตั้งแต่สมัยสุโขทัย ด้วยพิธีบวชตามประเพณี มีปู่ครูเป็นผู้คัดเลือก ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเกิดประเพณีการบวชรับใช้ราชสำนัก และกระบวนการคัดบุคคลเป็นพระอุปัชฌาย์ไปบวชให้ชาวลังกา ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ปัจจุบัน การบวชยึดหลักพระธรรมวินัย และพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ การเปรียบเทียบกระบวนการคัดคนเข้าบวชในยุคศาสดา พบว่า พระพุทธเจ้ามีเวลาเผยแผ่ศาสนามากกว่า มีพุทธบัญญัติเกี่ยวกับการคัดคนเข้าบวชชัดเจน ส่วนพระเยซูมีระยะเวลาเผยแผ่น้อย จึงทำให้กระบวนการคัดคนเข้าบวชไม่ชัดเจน ส่วนคริสต์ศาสนามีการบวชคนเป็นครั้งแรกในสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เพื่อต้องการผลิตนักบวชในท้องถิ่น อำนาจในการคัดคนเข้าบวชในพระพุทธศาสนาในประเทศไทยอยู่ที่อุปัชฌาย์ และมหาเถรสมาคมซึ่งเป็นองค์กรที่มีหน้าที่ออกกฎระเบียบควบคุม ส่วนคริสต์ศาสนาอำนาจอยู่ที่สังฆราช สำนักวาติกันและสภาคาทอลิกแห่งประเทศไทยคอยควบคุมพฤติกรรม จากการศึกษาแนวคิดของนักวิชาการต่อการคัดคนเข้าบวช พบว่า นักวิชาการให้ความสำคัญเรื่องกฎระเบียบของมหาเถรสมาคม และให้ยึดตามพุทธบัญญัติ แนวทางการพัฒนากระบวนการคัดคนเข้าบวชในพระพุทธศาสนาต้องยึดหลักธรรมวินัยกับกฎระเบียบทางสังคม และการพัฒนาผู้บวชด้วยการให้การศึกษาทั้งก่อนและหลังการบวช โดยมีการตรวจสอบกระบวนการอย่างเป็นระบบ และจะต้องให้เป็นไปตามพระธรรมวินัย ทั้งอุปัชฌาย์และคณะสงฆ์ต้องปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างเคร่งครัดมีการประสานความร่วมมือระหว่างรัฐ ชุมชน และคณะสงฆ์ ช่วยกันตรวจสอบพฤติกรรมของบุคคลผู้จะเข้ามาบวช ข้อเสนอแนะในการพัฒนาควรแปลความหมายของคำบรรพชาอุปสมบทจากภาษาบาลีมาเป็นภาษาไทย ควรให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการคัดคนเข้าบวช ควรมีการตรวจสอบประวัติของบุคคลผู้ที่จะเข้ามาบวชอย่างจริงจัง และมหาเถรสมาคมควรกวดขันเกี่ยวกับการให้บรรพชาอุปสมบทของพระอุปัชฌาย์มากขึ้น | en_US |
dc.language.iso | other | en_US |
dc.publisher | Dhonburi Rajabhat University Office of Academic Resources And Information Technology | en_US |
dc.subject | การบวช,พระพุทธศาสนา,วิทยานิพนธ์ | en_US |
dc.title | กระบวนการคัดคนเข้าบวชในพระพุทธศาสนาในประเทศไทย | en_US |
dc.title.alternative | The Process of the Selection of Men to be Ordained in the Buddhist in Thailand | en_US |
dc.type | Thesis | en_US |
Appears in Collections: | Thesis Dhonburi Rajabhat University - วิทยานิพนธ์ปริญญาโท มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
Title 1.pdf | ปก | 520.22 kB | Adobe PDF | View/Open |
Title 2.pdf | หน้าอนุมัติ | 536.53 kB | Adobe PDF | View/Open |
Abstract.pdf | บทคัดย่อ | 1.09 MB | Adobe PDF | View/Open |
Acknowledgement.pdf | กิตติกรรมประกาศ | 47.31 kB | Adobe PDF | View/Open |
Table of contents.pdf | สารบัญ | 547.79 kB | Adobe PDF | View/Open |
Unit 1.pdf | บทที่ 1 | 2.12 MB | Adobe PDF | View/Open |
Unit 2.pdf | บทที่ 2 | 4.63 MB | Adobe PDF | View/Open |
Unit 3.pdf | บทที่ 3 | 1.3 MB | Adobe PDF | View/Open |
Unit 4.pdf | บทที่4 | 8.75 MB | Adobe PDF | View/Open |
Unit 5.pdf | บทที่ 5 | 448.07 kB | Adobe PDF | View/Open |
Unit 6.pdf | บทที่ 6 | 239.95 kB | Adobe PDF | View/Open |
Bib.pdf | บรรณานุกรม | 199.87 kB | Adobe PDF | View/Open |
Appendix.pdf | ภาคผนวก | 2.57 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.