Please use this identifier to cite or link to this item:
http://hdl.handle.net/123456789/963
Title: | แผนพัฒนาขององค์การบริหารส่วนตำบลที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของชุมชน กรณีศึกษา : ชุมชนบ้านฝ้าย ต.เมืองฝ้าย อ. หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ |
Other Titles: | The Sub-district Administrative Organization Development Plan Effecting on Life Quality of Community : the Case Study of Ban Fai Community, Mueang Fai Sub-district, Nong Hong District, Buri Ram Province |
Authors: | พระธงชัย, สีโสภณ (ญาณธีโร) Sisophon (Yanadhilo), Phra Thongchai |
Keywords: | แผนพัฒนาองค์กร,การบริหารองค์กร,องค์การบริหารส่วนตำบล,คุณภาพชีวิตชุมชน,วิทยานิพนธ์ |
Issue Date: | 2003 |
Publisher: | Dhonburi Rajabhat University Office of Academic Resources And Information Technology |
Abstract: | ตั้งแต่พระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบลมีผลบังคับใช้ ปี พ.ศ. 2538 การจัดทำแผนพัฒนาขององค์การบริหารส่วนตำบลมีความสำคัญมากที่ต้องพึ่งเงินอุดหนุนจากรัฐบาล เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารองค์การบริหารส่วนตำบล ในการจัดทำแผนพัฒนาส่วนท้องถิ่นให้มีความเจริญ แผนพัฒนามี 2 ประเภท คือ แผนพัฒนาระยะ 5 ปี และแผนพัฒนาประจำปี แผนการพัฒนาตำบลเป็นการจัดทำแผนพัฒนาจากเบื้องล่าง เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลส่วนกลางและครอบคลุมทุกแผนงานที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแผนพัฒนาขององค์การบริหารส่วนตำบลเมืองฝ้ายศึกษาคุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชนบ้านฝ้าย ที่ได้รับจากแผนพัฒนาขององค์การบริหารส่วนตำบลเมืองฝ้าย ปี พ.ศ. 2545 เพื่อศึกษาทัศนคติของประชาชนที่มีต่อแผนพัฒนาขององค์การบริหารส่วนตำบล เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสัมภาษณ์และแบบสังเกตวิเคราะห์ ประชากรกลุ่มตัวอย่างจำนวน 105 คน นำเสนอข้อมูลด้วยวิธีการวิเคราะห์ข้อมูล แปรผล ใช้อัตราร้อยละ ผลของการศึกษา ระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนที่ได้รับจากแผนพัฒนาของ อบต.เมืองฝ้าย ในแต่ละด้าน ดังต่อไปนี้ 1. ด้านเศรษฐกิจ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่มีรายได้น้อย รายได้เสริมส่วนใหญ่เกิดจากภายในชุมชน การพัฒนาผลผลิตทางการเกษตรให้มีคุณภาพน้อย กองทุนให้กู้ยืมเพื่อเกษตรกรรมไม่เพียงพอ การส่งเสริมเกษตรกรเรื่องทำไร่นาสวนผสมไม่เพียงพอ 2. ด้านสังคม พบว่า การจัดอบรมรักษาความปลอดภัยให้แก่ประชาชนยังมีน้อย การจัดอบรมเรื่องการต่อต้านยาเสพติด อยู่ในระดับปานกลาง การจัดกีฬาเป็นสื่อในการสร้างความสัมพันธ์ของคนในชุมชน ทำให้เกิดประโยชน์มาก 3. ด้านการเมืองและการบริการ พบว่า ตั้งแต่สภาตำบลได้ยกฐานะเป็น อบต. ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับความรู้ ในเรื่องกิจกรรมทางการเมือง เช่น การเลือกตั้งประชาชนสนใจไปเลือกตั้งกันมาก การประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารต่างๆ อยู่ในระดับปานกลาง 4. ด้านการศึกษา พบว่า การพัฒนาศูนย์เด็กก่อนเกณฑ์เรื่องอาหารกลางวันและอาหารเสริมอยู่ในระดับปานกลาง การศึกษาระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษายังไม่เพียงพอต่อความต้องการในเรื่องการจัดหนังสือพิมพ์ประจำหมู่บ้านยังไม่เพียงพอ 5. ด้านศาสนาและวัฒนธรรม พบว่า กิจกรรมศาสนาและวัฒนธรรมประเพณีได้ส่งเสริมมากในเรื่องการอบรมคุณธรรม จริยธรรมมีน้อย 6. ด้านสาธารณสุข พบว่า ให้ความรู้แก่หญิงตั้งครรภ์จนถึงหลังคลอดมีน้อย ในเรื่องการรณรงค์ป้องกันโรคติดต่อและโรคฉี่หนู อยู่ในระดับปานกลาง การดูแลเด็กตั้งแต่แรกเกิดถึง 4 ปีมีน้อย เรื่องการรับประทานอาหารสุกๆ ดิบๆ มีการรณรงค์น้อย การให้ความรู้เรื่องการใช้ยาและวัตถุมีพิษมีน้อย 7. ด้านโครงสร้างพื้นฐาน พบว่า การซ่อมบำรุงถนนและการสร้างถนน ขยายไฟฟ้า อยู่ในระดับปานกลาง การขยายโทรศัพท์มีน้อย ในเรื่องน้ำบริโภคและน้ำประปามีเพียงพอ 8. ด้านแหล่งน้ำ พบว่า การดูแลแหล่งน้ำสาธารณที่ตื้นเขิน อยู่ในระดับปานกลาง ในเรื่องการขุดสระขนาดเล็กเพื่อใช้ในครัวเรือนมีน้อย 9. ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พบว่า การรณรงค์รักษาความสะอาดแหล่งน้ำ อยู่ในระดับปานกลาง การปลูกป่าทดแทนได้ส่งเสริม การดูแลรักษาความสะอาดชุมชนมีน้อย 10. ด้านทัศนคติ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่มีความรู้เรื่องการจัดทำแผนพัฒนาน้อยตั้งแต่มีการจัดทำแผนพัฒนาทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น ในเรื่องการประสานงานของ อบต. อยู่ในระดับปานกลาง ในอนาคต อบต. ไม่ควรยุบ 11. เป้าหมายการจัดทำแผนพัฒนาครั้งต่อไป กลุ่มผู้นำส่วนท้องถิ่นให้ความสำคัญด้านเศรษฐกิจมาเป็นอันดับแรก ส่วนประชาชนให้ความสำคัญด้านโครงสร้างพื้นฐานเป็นอันดับแรก ทัศนคติเกี่ยวกับการจัดทำแผนพัฒนาอยู่ในระดับปานกลาง และอนาคต อบต. ไม่ควรยุบ การจัดทำแผนพัฒนาครั้งต่อไปพบว่า ให้ความสำคัญด้านเศรษฐกิจ และโครงสร้างพื้นฐาน ข้อเสนอแนะในการดำเนินงานพัฒนาของ อบต. ควรจัดสรรงบประมาณให้ครอบคลุมทุกด้าน และทำตามความต้องการของประชาชน แผนพัฒนาจึงจะบรรลุวัตถุประสงค์ได้ |
URI: | http://cms.dru.ac.th/jspui/handle/123456789/963 |
Appears in Collections: | Thesis Dhonburi Rajabhat University - วิทยานิพนธ์ปริญญาโท มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
Title 1.pdf | ปก | 1.08 MB | Adobe PDF | View/Open |
Title 2.pdf | หน้าอนุมัติ | 563.2 kB | Adobe PDF | View/Open |
Abstract.pdf | บทคัดย่อ | 983.82 kB | Adobe PDF | View/Open |
Acknowledgment.pdf | กิตติกรรมประกาศ | 590.46 kB | Adobe PDF | View/Open |
Table of contents.pdf | สารบัญ | 617.4 kB | Adobe PDF | View/Open |
Unit 1.pdf | บทที่ 1 | 7.62 MB | Adobe PDF | View/Open |
Unit 2.pdf | บทที่ 2 | 5.67 MB | Adobe PDF | View/Open |
Unit 3.pdf | บทที่ 3 | 2.13 MB | Adobe PDF | View/Open |
Unit 4.pdf | บทที่ 4 | 4.77 MB | Adobe PDF | View/Open |
Unit 5.pdf | บทที่ 5 | 4.29 MB | Adobe PDF | View/Open |
Bib.pdf | บรรณานุกรม | 2.23 MB | Adobe PDF | View/Open |
Appendix.pdf | ภาคผนวก | 3.57 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.