Please use this identifier to cite or link to this item: http://hdl.handle.net/123456789/1521
Title: กระบวนการพัฒนาทักษะการสืบค้นข้อมูล และตั้งโจทย์วิจัยของนักศึกษาคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี
Other Titles: Information Searching and Research Design Skills of Students, Faculty of Education, Dhonburi Rajabhat University
Authors: พัชรี, ปิยภัณฑ์
Piyapan, Patcharee
Keywords: การสืบค้น
ทักษะการสืบค้นข้อมูล
การตั้งโจทย์วิจัย
คณะครุศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี
Issue Date: Jan-2015
Publisher: Dhonburi Rajabhat University. Office of Academic Journal Project.
Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อพัฒนาทักษะการสืบค้นข้อมูลและทักษะการตั้งโจทย์วิจัยของนักศึกษาครุศาสตร์ สาขาวิชาคณิตศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี 2) เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลวิธีการและเวลาที่ใช้ในการพัฒนาทักษะของนักศึกษาเป็นรายบุคคล และ 3) เพื่อเปรียบเทียบ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษากลุ่มทดลองและนักศึกษากลุ่มควบคุม ใช้วิธีวิจัยแบบผสมผสาน (mixed-method research) ด้วยการวิจัยเชิงปริมาณและการวิจัยเชิงคุณภาพ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักศึกษาคณะครุศาสตร์ สาขาวิชาคณิตศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี ปีการศึกษา 2555 ภาคเรียนที่ 2 จำานวน 2 ห้องเรียน จำาแนกเป็นกลุ่มทดลอง 1 ห้องเรียน นักศึกษา 38 คน และ กล่มุควบคุม 1 ห้องเรียน นักศึกษา 43 คน ซึ่งส่มุ กล่มุ ตัวอย่างโดยใช้วิธีการส่มุ แบบกล่มุ (cluster random sampling) ใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยการสุ่ม เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบบันทึกทักษะด้านการวิจัย สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ไคสแควร์ และการทดสอบค่าที ผลการวิจัยพบว่า 1) จำานวนนักศึกษาร้อยละ 73.68 สามารถสืบค้นข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ได้ตั้งแต่ 2 แหล่งขึ้นไปและจำานวนนักศึกษา ร้อยละ 71.05 ที่ข้อมูลที่สืบค้นได้มีความน่าเชื่อถือ ด้านทักษะการสร้างโจทย์วิจัย พบว่า นักศึกษา ร้อยละ 21.05 สามารถสร้างโจทย์วิจัยได้ในระดับโจทย์ปัญหาที่ต้องการศึกษา ซึ่งนำาไปทำาวิจัยได้ 2) วิธีการที่ใช้ในการพัฒนาทักษะการสืบค้นข้อมูลและทักษะการตั้งโจทย์วิจัยครั้งนี้ใช้กระบวนการจัดการเรียนการสอน 5 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นเร้าความสนใจ ขั้นให้ความรู้ และฝึกปฏิบัติ ขั้นสะท้อนความรู้ ขนั้ สร้างความรู้ และขั้นประเมินผล เวลาที่ใช้ในการพัฒนาทักษะการสืบค้นข้อมูล และตั้งโจทย์วิจัย ใช้เวลาโดยเฉลี่ยประมาณ 70 ชั่วโมง 3) คะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนของกลุ่มทดลองสูงกว่ากลุ่มควบคุม อย่างมีนัยสำาคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
URI: http://cms.dru.ac.th/jspui/handle/123456789/1521
https://research.dru.ac.th/o-journal/index.php?url=abstract.php&abs_id=153&jn_id=18
Appears in Collections:Article Dhonburi Rajabhat University - บทความ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี



Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.