Please use this identifier to cite or link to this item:
http://hdl.handle.net/123456789/1809
Title: | การจัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา ในโรงเรียนเครือข่ายฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี |
Other Titles: | The study of guidelines for learning management of the STEM Education in the Network Schools for Teacher Training Program, Faculty of Education, Dhonburi Rajabhat University |
Authors: | อริสรา, จุลกิจวัฒน์ Junlakitjawat, Arisara |
Keywords: | สะเต็มศึกษา วิชาชีพครู การฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี |
Issue Date: | 2020 |
Publisher: | Dhonburi Rajabhat University. Research and Development Institute . |
Abstract: | การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพการจัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา ในโรงเรียนเครือข่ายฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี ใน 3 รูปแบบ คือ การบูรณาการเนื้อหา การบูรณาการกระบวนการเรียนรู้ และการบูรณาการเป้าหมายของการเรียนรู้ โดยใช้แนวทางการจัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษาตามแนวคิดของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) (2557) ที่มุ่งเน้นการบูรณา การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา (descriptive research) โดยใช้โรงเรียนเครือข่ายฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี เป็นหน่วยวิเคราะห์ (unit of analysis) การดำเนินการวิจัยประกอบด้วยกระบวนการ 3 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาเอกสาร ตำรา ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ขั้นตอนที่ 2 ใช้แบบสอบถามกับผู้ให้ข้อมูลจากโรงเรียนที่เป็นกลุ่มตัวอย่างคือ โรงเรียนเครือข่ายฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี จำนวน 66 โรงเรียน และขั้นตอนที่ 3 รายงานผลการวิจัย นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ แปลผลจากการวิเคราะห์ ประมวลผลและเสนอแนะ เขียนรายงานผลการวิจัย โดยใช้ค่า เฉลี่ย ( ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เพื่อวิเคราะห์ระดับการปฏิบัติตามแนวการจัดการเรียนรู้ตามแนว สะเต็มศึกษา ผลการวิจัยพบว่า ทุกโรงเรียนมีการจัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษาโดยรูปแบบที่มีระดับการปฏิบัติสูงสุดคือ การจัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษาโดยการบูรณาการเนื้อหา ( = 4.13) ลำดับที่สองคือ รูปแบบการบูรณาการกระบวนการเรียนรู้ ( = 4.04) และลำดับสามคือ รูปแบบการบูรณาการเป้าหมายของการเรียนรู้ ( = 3.87) ด้านการวัดและประเมินผลมีการประเมินผลด้านกระบวนการคิดที่ซับซ้อนตามแนวคิดสะเต็มศึกษาในระดับปานกลาง กลุ่มตัวอย่างแสดงข้อคิดเห็นเพิ่มเติมว่า โรงเรียนควรมีการกำหนดเป็นนโยบายอย่างชัดเจนเพื่อให้เกิดการวางแผนร่วมกันระหว่างครูในแต่ละวิชาที่เกี่ยวข้อง มีการเขียนแผนและออกแบบการจัดการเรียนรู้ร่วมกัน เพื่อลดความซ้ำซ้อนของเนื้อหา และทำให้การดำเนินการเรียนการสอนมีรูปแบบที่หลากหลาย |
URI: | http://cms.dru.ac.th/jspui/handle/123456789/1809 |
Appears in Collections: | Research Dhonburi Rajabhat University - งานวิจัย มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
Title.pdf | ปก | 95.94 kB | Adobe PDF | View/Open |
Abstract.pdf | บทคัดย่อ | 112.55 kB | Adobe PDF | View/Open |
Acknowledgement.pdf | กิตติกรรมประกาศ | 82.05 kB | Adobe PDF | View/Open |
Table of content.pdf | สารบัญ | 95.78 kB | Adobe PDF | View/Open |
Unit 1.pdf | บทที่ 1 | 123.27 kB | Adobe PDF | View/Open |
Unit 2.pdf | บทที่ 2 | 557.44 kB | Adobe PDF | View/Open |
Unit 3.pdf | บทที่ 3 | 100.25 kB | Adobe PDF | View/Open |
Unit 4.pdf | บทที่ 4 | 263.5 kB | Adobe PDF | View/Open |
Unit 5.pdf | บทที่ 5 | 145.73 kB | Adobe PDF | View/Open |
Bib.pdf | บรรณานุกรม | 124.97 kB | Adobe PDF | View/Open |
Appendix.pdf | ภาคผนวก | 306.99 kB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.