การสังเคราะห์งานวิจัยเกี่ยวกับภาวะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษาด้วยเทคนิคการวิเคราะห์เนื้อหาและการวิเคราะห์อภิมาน

Abstract

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สังเคราะห์งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับภาวะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษาด้วยเทคนิคการวิเคราะห์เนื้อหา โดยการบรรยายสรุปตามลักษณะของงานวิจัย และ 2) สังเคราะห์งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับภาวะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษาด้วยเทคนิคการวิเคราะห์อภิมาน โดยศึกษาค่าขนาดอิทธิพลตามตัวแปรที่ศึกษา และความแปรปรวนของขนาดอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับภาวะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษากลุ่มตัวอย่าง คือ งานวิจัยที่เป็นวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547-2558 จำนวน 35 เล่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย มีดังนี้ แบบสรุปรายละเอียดงานวิจัย และแบบประเมินคุณภาพงานวิจัย การวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นใช้สถิติพื้นฐาน ได้แก่ ความถี่ร้อยละและ การบรรยายสรุปผลการวิจัยและข้อเสนอแนะของงานวิจัยการวิเคราะห์อภิมานใช้แนวคิดของกลาส (Glass) ในการหา ค่าขนาดอิทธิพล ผลการวิจัย พบว่า 1) งานวิจัยที่นำมาสังเคราะห์ส่วนใหญ่เป็นงานวิจัยที่เป็นวิทยานิพนธ์ ผู้ศึกษาวิจัยส่วนใหญ่สนใจทำการศึกษาอยู่ในช่วง ปี พ.ศ. 2547-2558 โดยแหล่งผลิตผลงานมาจากมหาวิทยาลัยศิลปากรมากที่สุด ส่วนใหญ่เป็นงานวิจัยที่ผลิตในปีการศึกษา 2548 มากที่สุด ส่วนใหญ่เป็นงานวิจัยในสาขาวิชาการบริหารการศึกษา ระดับการศึกษาที่ทำวิจัย คือ ระดับขั้นพื้นฐาน มากที่สุดเป็นงานวิจัยเชิงพรรณนา/สำรวจทั้งหมด มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาภาวะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษาการตั้งสมมติฐานแบบทางเดียว มากที่สุด ประชากรและกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย เป็นครูผู้สอน/บุคลากร มากที่สุด การคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างใช้วิธีแบบแบ่งชั้น (Stratified Random Sampling) มากที่สุด ตัวแปรที่ใช้ศึกษาตัวแปรต้น ได้แก่ ประสบการณ์ในการทำงาน มากที่สุด ตัวแปรตาม ได้แก่ ภาวะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษามากที่สุด ประเภทของเครื่องมือ คือ แบบสอบถาม การตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือ คือ ค่าดัชนีความสอดคล้อง และค่าความเชื่อมั่นวิธีการคำนวณ คือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป สถิติวิเคราะห์ข้อมูล คือ สถิติพื้นฐาน ได้แก่ ความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติทดสอบสมมติฐานค่าทีมากที่สุด ผลการวิจัย มากที่สุด คือ ผลการวิจัยเกี่ยวกับแบบภาวะผู้นำ ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการนำผลการวิจัยไปใช้และข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการวิจัยครั้งต่อไป และ 2) จากการสังเคราะห์ค่าขนาดอิทธิพลของงานวิจัยเกี่ยวกับภาวะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษา พบว่า ผู้นำแบบแลกเปลี่ยนเชิงลบ ส่งผลต่อภาวะผู้นำที่ส่งผลต่อประสิทธิผลสถานศึกษามากที่สุด ส่วนความพึงพอใจของครูต่อภาวะผู้นำทางการบริหารของผู้บริหารสถานศึกษา จำแนกตามเพศด้านการพัฒนาตนเองส่งผลมากที่สุด จำแนกตามระดับการศึกษา ด้านการเรียนการสอน ส่งผลมากที่สุด จำแนกตามประสบการณ์ในการทำงานด้านความเป็นผู้นำแบบร่วมมือส่งผลมากที่สุด ส่วนภาวะผู้นำเชิงปฏิรูปและภาวะผู้นำเชิง การจัดการของผู้บริหารตามทัศนะของครู จำแนกตามเพศบุคลิกภาพที่น่าเชื่อถือส่งผลมากที่สุดจำแนกตามตำแหน่งภาวะผู้นำแบบสนับสนุน ส่งผลมากที่สุดส่วนภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารโรงเรียนอาชีวศึกษาจำแนกตามประสบการณ์ การทำงานและจำแนกตามขนาดโรงเรียน ด้านการมีอิทธิพลเชิงอุดมการณ์ ส่งผลมากที่สุดภาวะผู้นำของผู้บริหารที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตในการปฏิบัติงานของครูในสถานศึกษา ในภาพรวม ด้านความเจริญงอกงามและสวัสดิภาพส่งผลมากที่สุดภาวะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษา จำแนกตามขนาดสถานศึกษาภาวะผู้นำแบบเปลี่ยนสภาพการสร้างบารมีส่งผลมากที่สุด ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษา จำแนกตามสถานภาพด้านการสร้างแรงบันดาลใจส่งผลมากที่สุด จำแนกตามขนาดสถานศึกษา ด้านการคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลส่งผลมากที่สุด